ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับอย่างตรงๆ เลยว่าประเทศไทยยังอ่อนในเรื่องของลิขสิทธิ์อย่างมากพอสมควร เพราะเห็นได้จากการละเมิดลิขสิทธิ์ที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวันของประชาชนคนไทยไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแผ่นผีซีดีเถื่อน , กระเป๋าหรือเครื่องประดับต่างๆ ที่เป็นของลอกเลียนแบบ ดังนั้นนี้จึงเสมือนเป็นตัวปลูกฝังความคิดที่ผิดๆ ให้แก่เยาวชนและคนรุ่นหลังที่คิดว่าการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ไม่รุนแรงและธรรมดา แต่หากมองในมุมของประเทศที่เจริญแล้วนับว่าการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ต้องถูกดำเนินคดีขั้นร้ายแรง ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยก็มีกฎหมายที่คุ้มครองบรรดาผู้ผลิตหรือนักออกแบบต่างๆ อยู่ ทั้งหมดจะรวมอยู่ในความหมายของ “ทรัพย์สินทางปัญญา” นั้นเอง
ทรัพย์สินทางปัญญานั้น คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ที่ใช้การคิดค้นและออกแบบขึ้นมา ไม่ใช่เพียงเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ต่างๆ เท่านั้น ยังรวมไปถึงสิ่งที่อำนวยความสะดวกหรือกิจการต่างๆ รวมไปถึงของกินด้วย ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของผู้ริเริ่ม ดังนั้นหากมีใครที่นำทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านั้นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องได้รับบทลงโทษตามที่ผู้ริเริ่มต้องการเรียกร้องนั้นเอง
โดยทั้งนี้ทรัพย์สินทางปัญญา สามารถถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท เพื่อความครอบคลุมและป้องกันสิทธิของผู้ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง โดยเริ่มแรกก็คือ “ลิขสิทธิ์” โดยลิขสิทธิ์นั้นถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกละเมิดถูกที่สุด เพราะในหมวดของลิขสิทธิ์นั้นจะมีทั้ง เพลง , งานเขียนต่างๆ , รวมไปถึงสื่อบันเทิงทั้งหลายนั้นเอง อีกทั้งยังรวมไปถึงเสื้อผ้าหรือเครื่องใช้ต่างๆ ที่ถูกจดทะเบียน นอกจากลิขสิทธิ์แล้ว ยังมี “ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม” ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทรัพย์สินทางปัญญาเช่นเดียวกัน ซึ่งเรียกได้ว่าในประเทศไทยถึงแม้จะมีกฎหมายนี้ขึ้นมา แต่น้อยคนนักที่จะเล็งเห็นถึงความหมายและความสำคัญของมัน จึงทำให้เหล่าผู้พัฒนาและนักคิดสร้างสรรค์ต่างๆ เกิดความท้อและขาดเงินทุนพัฒนาผลงานของตัวเองให้ดีขึ้นไม่น้อยเลย ดังนั้นหากใครที่ตะหนักและเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ ก็ควรจะเริ่มสนับสนุนของถูกลิขสิทธิ์เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่นักพัฒนาที่ต้องการใช้เงินทุนในการสร้างสรรค์ผลงานเช่นเดียวกันนะครับ