เรียกได้ว่าเป็นกระแสเรียกร้องจากปากของประชาชนอย่างมากที่สุดในเวลานี้ ไม่เพียงแค่ในสังคมข้างนอกเท่านั้น ยังรวมไปถึงบรรดาสื่อโซเชียลหรือสังคมบนอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย ก็เล็งเห็นว่ามันต้องถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาจริงเอาจัง กับเหล่าพวกเมาแล้วขับทั้งหลาย เพราะไม่ว่ามีข่าวจำพวกนี้ออกมาเมื่อไหร่จะต้องเห็นการสูญเสียอยู่เรื่อยไปนั้นเอง โดยล่าสุดมีผู้สังเวยชีวิตให้กับการขาดสติแล้วขับรถถึง 3 ศพด้วยกัน โดยทั้งหมดนั้นเพียงนักปั่นจักรยานเท่านั้น
จนกลายเป็นกระแสฮือฮาอย่างมากเพราะเหล่าผู้ตายคือผู้ที่มีอนาคตและไม่สมควรต้องมาเสียชีวิตกับเหตุการณ์ที่รับไม่ได้เช่นนี้
โดยหากเทียบกับก่อนหน้านี้กฎหมายเกี่ยวกับเมาแล้วขับยังนับว่าขาดความเฉียบขาดอย่างมาก เพราะหากโดนจับหรือถูกตรวจระดับแอลกอฮอล์ที่เกินกำลังสามารถรอประกันตัวหรือรอลงอาญาได้ ทำให้จุดนี้เองกฎหมายในเรื่องนี้มีความหลวมและไม่คอยมีใครเกรงกลัว ซึ่งหากมีเงินประกันตัวก็สามารถออกจากคุกได้ง่ายๆ นั้นเอง แต่เมื่อเร็วนี้ๆ ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเนื่องจากเป็นผลพวงของการเมาแล้วขับ จึงทำให้หลายๆ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมและนายกรัฐมนตรีเกิดความไม่สบายใจ และสั่งให้กฎหมายมีความเข้มงวดกว่านี้ทันทีโดยไม่ต้องรออนุมัติเลยทีเดียว
ซึ่งกฎหมายนี้ทำให้เปรียบเสมือนสิ่งที่ทำให้บรรดานั่งขับที่ขาดสติต่างๆ เริ่มกลับมาคิดใหม่และเกรงกลัวต่อกฎหมายมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะไม่ต้องรอลงอาญาและจำคุก 1 เดือน ซึ่งในตรงจุดนี้นี่เองทำให้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยมีความพอใจต่อมาตรการนี้อย่างมาก และหากใครที่ไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจระดับแอลกอฮอล์แน่นอนว่าจะต้องโดนโทษอย่างนัก และถูกจัดให้เป็นกลุ่มคนเมาสุราอย่างเลี่ยงไม่ได้และยังถูกจำคุกสูงสุดถึง 1 ปี เลยทีเดียว ดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบในการเที่ยวกลางคืนและชอบในการสังสรรค์ก็ควรจะเดินทางด้วยรถบริการจะดีกว่านะครับ นอกจากจะไม่ต้องไปนอนคุกแล้วยังช่วยให้ถนนปลอดภัยขึ้นอีกด้วย